เราทุกคนล้วนเป็นแค่มวลสารที่ล่องลอยอยู่ในห้วงแห่งอวกาศ

ไวโอลินแก้ว

ไวโอลินแก้ว
ให้ความรู้สึกถึงรองเท้าแก้วจัง

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ขอคั่นเวลา

-----วันนี้ข้าน้อยขอนำเรื่องเกี่ยวกับความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับไวโอลินมา----
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดไวโอลินได้ปรากฏขึ้นเมื่อช่วงเวลาใด แต่คาดว่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลีช่วงต้นคริสตศตวรรษที่ 16 ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ผลิตนั้นดัดแปลงมาจากเครื่องดนตรียุคกลาง 3 ชนิด อันได้แก่ เรเบค (rebec) ซอเรอเนซองซ์ (the Renaissance fiddle) และ ลีรา ดา บรากโก (lira da braccio) ซึ่งเครื่องดนตรีทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับไวโอลิน แต่หลักฐานที่แน่นอนที่สุดก็คือ มีหนังสือที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับไวโอลินในปี พ.ศ. 2099 (ค.ศ. 1556) แล้ว โดยได้ตีพิมพ์ที่เมืองลีออน ประเทศฝรั่งเศส และคาดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไวโอลินน่าจะเผยแพร่ไปทั่วทวีปยุโรปแล้ว
ไวโอลินที่ถือว่าเป็นคันแรกของโลกถูกสร้างขึ้นโดย อันเดร์ อมาตี(Andrea Amati) ในช่วงครึ่งศตวรรษแรกของคริสตศตวรรษที่ 16 โดยการว่าจ้างของครอบครัวเมดิซี ซึ่งต้องการเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ต่อมาด้วยคุณภาพที่ดีของเครื่องดนตรี พระเจ้าชาลส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ อันเดร์ ประดิษฐ์ไวโอลินขึ้นมาอีก เพื่อมาเป็นเครื่องดนตรีบรรเลงประเภทใหม่ของวงออร์เคสตราประจำของพระองค์ และไวโอลินที่เก่าแก่สุดและยังให้เห็นอยู่ คือไวโอลินที่ อันเดร์ ประดิษฐ์ขึ้นในเมืองเครโมนา(Cremona) ประเทศอิตาลี ซึ่งได้ถวายแด่ พระเจ้าชาลส์ที่ 4 เช่นกันตรงกับปี พ.ศ. 2109 (ค.ศ. 1566)
แต่ไวโอลินที่น่าจะเก่าแก่และโด่งดังที่สุดน่าจะเป็นไวโอลินที่มีชื่อว่า เลอ เมสซี่(Le Messie) หรือ Salabue ประดิษฐ์โดย อันโตนิโอ สตราดีวารี เมื่อปี พ.ศ. 2259 (ค.ศ. 1716) ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ Ashmolean Museum แห่ง อ๊อกซฟอร์ด

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่องยุ่งๆของพี่ชาย&น้องสาว(3)

ก่อนที่ท่านจะได้อ่าน ข้าน้อยก็คงต้องขอขอบใจทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านและคอมเม้นให้ คารวะจากใจ^^ขอรับ
สถานการณ์ที่ 3...น้องสาว vs แฟน (อ้าวยุ่งกันใหญ่ละสิ)
เปิดม่าน........
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง............. เสียงโทรศัพท์ตอนเช้าดังขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าใครจะรับ
ตั้ม : นี่หยง...แกวิ่งไปรับโทรศัพท์เดะ
หยง : ไรฟะ หยงกำลังยุ่งอยู่เห็นไหม (ขณะนั้นหยงกำลังนั่งเล่นเกมอย่างเมามัน....)
ตั้ม : เฮียตั้มก็กำลังยุ่งอยู่ไม่เห็นเรอะ (ขณะนั้นเฮียตั้มกำลังทำอะไรยุกยิกอยู่ก็ไม่รู้)
หยง : ทำอะไรอยู่น่ะ
ตั้ม : หาของ (ตอบสั้นๆห้วนๆและกลับไปหาต่อยังกะเป็นของสำคัญ)
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.....
ด้วยความรำคาญอย่างสุดซึ้ง หยงจึงตัดสินใจตัดรากแก้วออกจากพื้น(...นั่งจนรากขึ้นเลยเรอะ*--*...) แล้ววิ่งไปรับโทรศัพท์
หยง : ฮาลโหลลล....(แกล้งทำเสียงง่วงนอน...เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายถามมาก)
ต้น (พี่ชายคนโตสุด) : เอ้อ...ไอ้หยงหรอ...
หยง : ไม่ใช่มั้งเนี่ย...ทั้งบ้านก็มีเสียงหวานซึ้งอย่างนี้คนเดียวแหละ หุ..หุ
ต้น : เออจะเสียงอะไรก็เรื่องของ.อึง.(เซ็นเซอร์) ฝากบอกแม่ด้วยละกันว่าวันนี้มีเพื่อนไปบ้านด้วย
หยง : เออได้ ๆ รีบกลับบ้านละ
ต้น : เออ
หยง : เออแล้วเพื่อนที่ว่านี่........ตู๊ดดดดดดดดด.......วางไปแล้วสะงั้นยังไม่ทันถามเลยว่าใคร
............หยงวิ่งกลับไปเล่นเกมต่อ ขณะนั้นก็ผ่านตั้มที่ยังคงหาอะไรบางอย่างที่เป็นปริศนา..........
ตั้ม : หายไปไหนฟะ....ช่างมันเหอะ...เออไอ้หยงเล่นเกมฟันฟันกัน
หมายเหตุ : เกมฟันฟัน คือ samurai warriors แต่ที่บ้านเรียกเกมฟันฟัน เพราะมันฟันกันทั้งเรื่อง-*-
หยง : (กำลังคิดในใจว่าอยากดูเนื้อเรื่องที่มันเป็นภาษาอังกฤษ) เฮียตั้มอย่าพึ่งกด startนะ...ขอดูเนื้อเรื่องก่อน
ตั้ม : เออ (แล้วสองพี่น้องก็นั่งดูเนื้อเรื่องของเกมฟันฟันต่อไป)
.........จนกระทั่งถึงตอนหนึ่งที่ผู้หญิงพูดกับผู้ชายคนหนึ่ง............
หยง : เฮียตั้มที่เขาพูดแปลว่าอะไรฟะ
ตั้ม : มันคงท้ารบกันมั้ง ประมาณว่าถ้าคุณมาได้กิน.อีน.(เซ็นเซอร์)แน่ๆ
หยง : คิดในใจว่า...แต่ผู้หญิงมันพูดประมาณว่า Hold me tight ไม่ใช่หรอฟะ เออสงสัยเราจะฟังผิดมั้ง เอ...แต่เราว่ามันไม่ผิดนะ มันน่าจะแปลว่ากอดฉันแน่นๆไม่ใช่หรอ เกี่ยวอะไรกับท้ารบฟะ เออช่างเหอะ
........................แล้วหยงกับเฮียตั้มก็นั่งเล่นเกมฟันฟันกันไป จนเวลา 6.45 ของตอนเย็น...............
ตึก....ตึก....ตึก เฮียต้นเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับหญิงสาวที่สวยมาก สวยจริงๆยอมรับเลย(ผู้เขียนคิดในใจ)
ผิวขาวดังหยวกกล้วย หุ่นเพรียวสวยอย่างแรง ตากลมโต ปากแดงอย่างกับกลีบกุหลาบ ผมยาวประบ่า ขาเรียวมากขนขาสักเส้นก็ไม่มี ตันหยงเป็นผู้หญิงแท้(รึเปล่า?)ยังตะลึงในความงามของเธอ หญิงสาวคนนั้นแย้มปากแล้วพูดว่า
หญิงสาว : สวัสดีฮ่า(ด้วยน้ำเสียงที่ยังไงก็ปิดไม่มิดว่าเทอคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงแท้0.0 ขณะที่พูดลูกกระเดือกที่คอก็สั่นไปด้วย ดูน่ากลัวสุดๆ)
ในใจตันหยงคิดไปว่า โอ้ไม่นะจอร์จฉันไม่ยอมมีพี่สะใภ้เป็นผู้ชายนะเว้ย.......

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่องยุ่งๆของพี่ชาย & น้องสาว จริงแบบไม่มีอิงนิยาย

~~เอ้าใครมีพี่ชายก็ขอให้ยกมือขึ้น~
เอาละ!และแล้ววันที่มีเวลาว่างมานั่งผลาญเวลาเล่นก็มาถึง วันนี้ข้าน้อยจะมาเล่าเรื่องจริงที่ไม่มีอิงนิยาย (อาจจะมีการอิงคำโม้ๆของผู้เขียนเสียหน่อย แต่ก็พอให้อภัยไหว) ท่านผู้อ่านเคยเชื่อเรื่องพี่ชายกับน้องสาวไหมค่ะ พี่ชายที่มักจะดูแลน้องสาว คอยป้องกันภัยออกไปให้ห่างๆตัวเธอ วันนี้ข้าน้อยจะมาตีแผ่ความจริงที่อาจจะลบภาพพจน์อันดีนี้ไป! ดังนั้น
คำเตือน : หากไม่อยากให้ภาพพจน์ในใจของคุณผู้อ่านเสียไปกรุณาอย่าอ่านนะจะ
(เปิดม่าน) : น้องสาวและพี่ชายในตอนเช้า........
เช้าวันที่อากาศสุดแสนจะสดใส ตันหยง(น้องสาวคนเล็ก) กำลังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มและกำลังฝันถึงเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเธอจากเหล่าผีชีวะ(คาดว่าจะเรียนวิชาชีววิทยามากเกินไป!) อย่างมีความสุขมากๆ
ในฝัน..... (ที่งงๆระหว่างผีชีวะกับนิทานโรแมนติก)
หยง : เจ้าชายเพค่ะ ช่วยหม่อมฉันด้วย คนเหล่านี้ได้ติดเชื้อไวรัสทีกันไปหมดแล้ว (เอ่อสงสัยจะอินกับหนังมากไปเรื่องอะไรคงไม่ต้องบอก)
เจ้าชายที่มองข้างซ้ายก็ติ๊ก มองข้างขวาก็แบรด พิตต์ ฯลฯ เอาเป็นว่าหล่อมาก (ขี้เกียจบรรยาย)
เจ้าชาย : ไม่เป็นไรแล้วสาวน้อยเดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้า......และพล่ามต่อไป.....
หยง: เอ่อ เจ้าชายเพค่ะช่วยเอาฝ่าบาทออกไปไกลๆหม่อมฉันได้ไหมค่ะ เจ้าชายค่ะ...และหลังจากที่หยงโคตรจะรำคาญกับฝ่าพระบาทที่เขี่ยแรงขึ้นเรื่อยๆ คำที่อ่อนหวานเริ่มกลายเป็น... เฮ้ยเมื่อไรจะเลิกใช้...อีน..(แปลว่าเท้า ที่ไม่ค่อยจะสุภาพ)เขี่ยสะทีฟะ~~ รำคาญ
ในโลกแห่งความจริง.... ขณะเวลา 6.30 ในตอนเช้า
ตั้ม(พี่ชายคนกลาง) กำลังใช้เท้าเขี่ยน้องสาวสุดที่รักอย่างแรง เนื่องด้วยมันจะ 7 โมงอยู่แล้ว คุณเธอยังไม่ลุกจากผ้าห่มเสียที
ตั้ม : โว้ย ไอ้หยง ตื่นสะทีสิฟะ จะเจ็ดโมงแล้ว (ยังคงใช้เท้าเขี่ยอยู่อย่างนั้น เห็นน้องเป็นตัวอะไรฟะเนี่ย) ตื่นเสะๆ
..........แต่ไม่มีทีท่าที่หยงจะตื่นแม้แต่น้อย.......... 6.45 น.
ไม่ตื่นใช่ไหม (น้ำเสียงรำคาญมาจากตั้ม )
หยง : ขออีกแปบนึงนะเฮียตั้ม.... หรือไม่ก็....หยงตื่นแล้วๆ(ทั้งๆที่ตายังปิดและหัวยังอยู่บนหมอน)
เสียงจากภายนอกเงียบไปสักพัก หยงกำลังจะเข้าสู่นิทรารมณ์อย่างสบายอารมณ์....
หยง : ทำไมมันเงียบแปลกๆฟะ(คิดทั้งๆที่ยังนอนอยู่...เทพจริงๆ)
--------ซ่า-------- โอ้จอร์จเฮียตั้มไปเอาน้ำใส่ขันมาราดถึงที่นอน
หยง : เฮ้ยไรกันฟะ เปียกหมดเลย (เห็นน้องเป็นตัวไรฟะ...เอาน้ำใส่ขันราดส้วมมาราดปลุกเนี่ย)
ตั้ม : ก็หยงไม่ตื่นนิ มันก็ต้องทำอย่างนี้ ...แล้วยิ้มอย่างภูมิใจมากที่สามารถลากคนที่ขี้เซาที่สุดในบ้านให้ลุกออกจากเตียงได้!
หยง : ย้าก....ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ง่วงก็ง่วงยังถูกเอาน้ำสาดอีก เจอลูกเตะไซส์คิกสะหน่อย...(แล้วก็กระโดดขาคู่ถีบเจ้าพี่ตัวดี) ดูดิเปียกหมดเลย ถ้าแม่มาเห็นทำไงเนี่ย
ตั้ม : เออว่ะ(อาจมีคำไม่สุภาพเพราะว่านี่คือผู้ชาย)
หยง : แล้วทำไมไม่คิดก่อนทำเล่า...จะบ้าตาย ช่างมันเถอะๆกี่โมงแล้วเนี่ย
ตั้ม : 7โมงแล้วโว้ย
หยง : เอองั้นไปแต่งตัวแล้ว...ไหนๆก็อาบน้ำไปแล้วนิ (ทำหน้าเซ็ง)
-------------------ในที่สุดพี่น้องสองคนต่างก็ไปร.ร.ทัน เฮ้อ! ตอนเช้าก็หมดไป------------
ส่วนผ้าปูที่นอนเนื่องจากกว่าจะมีคนมาเห็นมันก็แห้งแล้ว เลยรอดตัวปาย

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

---ไวโอลิน episode2---

หลังจากที่ข้าน้อยมีเวลาอ่านโน้ตและฝึกซ้อม 1คืน กับอีกครึ่งวัน ข้าน้อยก็รีบบึ่งกลับบ้านไปนั่งซ้อมอย่างเดียว
---เอ่อจนนิ้วเริ่มบวมและพูดได้คำเดียวว่าเจ็บฟะ!----
หลังจากนั้นข้าน้อยก็มานั่งทบทวนว่าทำไมต้องเล่นไวโอลินด้วยฟะ ทำไมไม่เลือกพวกเปียโน แล้วทำไมต้องมานั่งซ้อมดึกๆดื่นๆด้วยเนี่ย มันไม่ใช่สันดานของข้าน้อยเลยสักกะติ๊ดดดดดดดดด.
---และแล้ววันคอนเสิร์ตก็มาถึง---
ข้าพเจ้าเดินถือไวโอลินเข้ามาในห้องด้วยความมั่นใจ เพื่อนๆต้องชมที่เราทุ่มเทขนาดนี้ (ในใจหัวเราะอยู่)
แต่คำแรกหลังจากที่เดินเข้ามา คำแรกที่เพื่อนถาม มันถามข้าน้อยกันว่า เฮ้ยแกเล่นไวโอลินเป็นด้วยเหรอวะ ในใจคงคิดว่าหน้าอย่าง.อึม.(ขอเซ็นเซอร์)เนี่ยนะ
----ย้ากกกกกกกกกกกกก ขึ้นเลยอย่างนี้ขึ้น----
แต่ด้วยความที่เอ่อ...คุณหญิงแม่สั่งสอนมาดีนะค่ะ ข้อน้อยเลยได้แต่พูดในใจ ว่า ฝากไว้ก่อนเหอะ อย่าให้ถึงทีชั้นละกัน ชิ
และแล้วพวกเราก็ได้เล่นคอนเสิร์ต และผ่านไปได้ด้วยดี โดยไม่มีคนได้ยินข้าน้อยสีไวโอลินเลย เพราะเสียงของคนทั้งห้องที่ดังจนกลบไวโอลินตัวเดียว เฮ้อ จะซ้อมมาทำไมฟะเนี่ย
~~สุดท้าย ในใจบางคนคงคิดว่า เอาไวโอลินมาทำไมฟะ ไม่เห็นได้ยิน แต่ข้าน้อยก็มีความสุขและดีใจที่มีส่วนร่วมกับงานนี้มาก~~
จบข่าววววว กชวรรณ รายงาน

----ไวโอลิน----

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาห้อง 945 (คือห้องที่ข้าน้อยเรียนอยู่) ได้มีการจัดคอนเสิตร์ห้องขึ้น
ตอนแรกข้าน้อยก็ไม่มีอะไรจะทำ(ในใจแอบคิดว่าเราไร้ประโยชน์จัง!--*) แต่แล้วเพื่อนอู๊ดก็บอกให้เราเอาไวโอลินมาเล่นเพลงแสงหนึ่งคือรุ้งงามเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระพี่นาง โชดดีที่เพื่อนปลาก็เอาโน้ตมาด้วย แต่เอาละสิ มีเวลาอ่านโน้ตและฝึกซ้อมแค่ 1คืนกับอีกครึ่งวัน! และฝีมือที่ไม่เอาไหนอย่างข้าน้อย จะเกิดอะไรขึ้น -----โปรดติดตาม------

~~แนะนำตน~~

เอ่อ สวัสดีเพื่อนๆทั้งหลายจ้า ขอต้อนรับสู่blogของข้าน้อย

ข้าน้อยมีชื่อว่า ตันหยง
ปัจจุบัน อายุ 15 ย่างๆ 16
ข้าน้อยมีพี่ชาย 2 คน จีงมีนิสัยที่ค่อนๆไปทางผู้ชายเสียหน่อย จนบางครั้งอยู่กับผู้หญิงทำให้ข้าน้อยรู้สึกแปลกๆ เอ่อ เช่นไม่รู้จะคุยเรื่องไรดี ผู้หญิงเขาชอบอะไรกัน ฯลฯ
ความสามารถพิเศษ คือ เล่นไวโอลิน ซอ ขิม และ.....และ....หมดแล้ว เอ่อมีอีก คือ เรื่องที่สามารถพูดไม่หยุดได้ (ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีไหม --!)
งานอดิเรก คือ การดูฟุตบอล และ นอนขี้เกียจสันหลังยาว
------------ หลังจากรู้จักกันหอมปากหอมคอก็ เข้ามาเยี่ยมชมกันบ่อยๆด้วยนะจะ---------